ทัวร์เกาหลี

ทัวร์เกาหลี สุดคุ้ม เที่ยวเกาหลี ราคาประหยัด

ทัวร์ญี่ปุ่น

ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่น

ทัวร์จีน

ทัวร์จีน เที่ยวจีน สถานที่ท้องเที่ยวจีน

ทัวร์สิงคโปร์

ทัวร์สิงคโปร์ เที่ยวสิงคโปร์ แบบประหยัด

Friday, September 21, 2012

สถานที่น่าเที่ยวในฮานอย ประเทศเวียดนาม (Places of interests in Hanoi)

สถานที่ท่องเที่ยวที่ท่านไม่ควรพลาด เมื่อมีโอกาสไปเที่ยวเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม มีหลายสถานที่น่าเที่ยวด้วยกัน ฮานอย (Hanoi) เมืองหลวงของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำแดง ฮานอย แปลว่า เมืองบนฝั่งโค้งของแม่น้ำ นับเป็นเมืองหลวงแม้จะมีขนาดเล็กแต่มีความสวยงามมาก ตลอดสองฟากถนนเราสามารถเห็นตึกสไตล์โคโลเนียลอยู่เรียงรายสองข้างทาง ทำให้ตัวเมืองมีเอกลักษณ์และเสน่ห์เฉพาะตัว ท่านใดมีโอกาศไปทัวร์เวียดนาม เที่ยวเวียดนาม แล้วไปเยือนเมืองฮานอย มาดูกันสิว่าในฮานอยมีสถานที่ใดน่าเที่ยวบ้าง
เมืองฮานอย เวียดนาม
Photo by @c_villian
สถานที่น่าเที่ยวเมืองฮานอย

สุสานโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh’ s Mausoleum) 
สุสานโฮจิมินห์ หรือชื่อในภาษาเวียดนามว่า จู่ติกโอจิมินห์(Lang Chu Tich ho Chi Minh) เป็นสุสานขนาดใหญ่ของอดีตผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของเวียดนาม
ที่เที่ยวฮานอย เวียดนาม
Credit: www.virtualtourist.com
พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Museum)
มาฮานอยทั้งที่ต้องแวะมาที่นี่เลย พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ เป็นอาคารสมัยใหม่ขนาดใหญ่ มีการจัดแสดงนิทรรศการมากมาย มีการถ่ายภาพขาวดำในสมัยสงคราม รวบรวมประวัติการต่อสู่ของกองทัพเวียดมินห์ เหล่าทหารกู้ชาติและเรื่องราวการสู้รบ ในสมัยสงครามเวียดนาม ความลำยากของการได้มาซึ่งอิสระภาพ ทำให้คนเวียดนามในปัจจุบันมีความเป็นปึกแผ่นสามัคคี
Credit: bluffton.edu
โรงละครฮานอย (Hanoi Opera House)
โรงละครสไตล์แบบฝรั่งเศส ตกแต่งอย่างงดงาม ภายในมีที่นั่งกว่า 900 ที่นั่ง ปัจจุบันยังเปิดแสดงอย่างสม่ำเสมอ การแสดงจะเน้นดนตรีคลาสสิค
Photo by @aviecruz
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ (History Museum)
แหล่งโบราณสถาน โบราณวัตถุ สถานที่รวบรวมประวัติศาสตร์เวียดนามทุกยุคทุกสมัย ต้องที่นี่เลย พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ ชาวเวียดนามเรียกว่า Bao Tang Lich ตั้งอยู่หลังโรงละครฮานอย
ทัวร์เวียดนาม
credit: hanoilocalguide.com
การเชิดหุ่นกระบอกน้ำ (Water puppet show)
ถือเป็นไฮไลต์อย่างหนึ่งของการมาเที่ยวเวียดนาม เรียกได้ว่ามาฮานอยต้องแวะมาดู การแสดงหุ่นกระบอกน้ำ ซึ่งถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชาติเลยทีเดียว
Photo by peacemoon
วิหารวรรณกรรม (วันเหมียว,Literature temple)
สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในฮานอย ที่ทุกกรุ๊ปทัวร์ต้องพามา คือ วิหารวรรณกรรม หรือ ชื่อเวียดนามว่า‘วั่นเหมี่ยว’ หรือวัดจอหงวน เป็นวัดโบราณแห่งหนึ่งของเวียดนาม ซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนานเกือบพันปี และถือเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเวียดนาม
วิหารวรรณกรรม
Photo by @aviecruz
ทะเลสาบคืนดาบ (ฮว่านเกี๋ยม, Hoan Kiem Lake)
ทะเลสาบคืนดาบหรือชื่อเวียดนามว่า “ฮว่านเกี๋ยม (Hoan Kiem)” เป็นเสมือนสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ บรรยากาศร่มรื่นมาก ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองเก่าฮานอย มีอาคารสำคัญของทางราชการล้อมรอบ

Photo by thuyduong_hn
วัดเนินหยก ( หง็อกเซิน, Ngoc Son temple)
วัดหง็อกเซิน คือ วัดซึ่งตั้งอยู่ทางเนินหยกอยู่ทางด้านเหนือของทะเลสาบคืนดาบ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ให้ท่านได้เก็บภาพสวยๆ โดยเฉพาะสะพานเข้าวัดเนินหยกซึ่งเป็นสะพานไม้สีแดง ที่มีความหมายอันไพเราะว่า สะพานแสงอาทิตย์ยามเช้า
Photo by ihartravel
พิพิธภัณฑ์ทหาร  (Bao Tang Quan Doi)
Vietnam Military History Museum หรือชาวเวียดนามเรียกว่า บ่าว ตาง กวาน โด่ย (Bao Tang Quan Doi) สร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงการประกาศอิสรภาพและการรวมชาติของชาวเวียดนาม ภายในจัดแสดงเครื่องมือที่ใช้สู้รับตั้งแต่มีด ปืน รถถัง ไปจนถึงเครื่องบินรบ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ตั้งอยู่บนถนนเดียนเบียนฟู
Phto by @jonnigriffiths
อ้างอิง: วิกีพีเดียสารานุกรมเสรี, ข้อมูลเที่ยวเวียดนาม เว็บโอเชี่ยนสไมล์

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในสิงคโปร์ (Places of Interests in Singapore)

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่ท่านไม่ควรพลาดเมื่อมีโอกาสไปเที่ยว ไปทัวร์สิงคโปร์ (Singapore) สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมีหลายจุดด้วยกัน แม้ว่าสิงคโปร์จะเป็นประเทศที่มีพื้นที่เล็กมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แต่สิงคโปร์เองกลับมีที่เที่ยว ที่กิน ที่พักผ่อน มากมาย และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างน่าอัศจรรย์ เรียกได้ว่า มาเที่ยวแล้วอยากกลับไปเที่ยวอีก

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจในสิงคโปร์ (Places of Interests in Singapore)

Merlion รูปปั้นสิงโตพ่นน้ำ เจ้าเมอร์ไลออนนี้ถือว่าสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของสิงคโปร์ ที่ผู้คนนิยมมาถ่ายรูปคู่ด้วย
Photo by parnbrabus
Resort World Sentosa เกาะมหาสนุก ที่ท่านจะได้เพลิดเพลินกับเครื่องเล่นนานาชนิด รวมทั้งการแสดงมากมาย เรียกได้ว่าเที่ยวทั้งวันก็เที่ยวไม่ครบทุกจุดเลยทีเดียว
Credit:  www.rwsentosa.com
Universal Studios Singapore สวนสนุกขนาดใหญ่ พบความสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ มากมายกับเครื่องเล่นกว่า 24 ชนิด การแสดงอีกมากมาย สวนสนุกนี้อยู่ในบริเวณของ Resort World Sentosa นั่นเอง
Credit:  www.rwsentosa.com
Mint Museum of Toys พิพิธภัณฑ์ของเล่นชื่อดังกว่า 50,000 ชิ้น

Night Safari สวนสัตว์กลางคืน
Photo by  @mstracylee
Jurong Bird Park สวนนกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Singapore Flyer ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ ท่านสามารถชมวิวสิงคโปร์แบบ 360 องศา ชิงช้าแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ถนน Raffles Avenue
Photo by qhaibeast
วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic) ไหว้พระเขี้ยวแก้ว วัดศักดิ์สิทธิ์สวยงามมาก

วัดศรีมาริอัมมัน (Sri Mariamman Temple) วัดฮินดูที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์

วัดเทียน ฮก เก็ง (Thian Hock Keng Temple) วัดงามย่านไชน่าทาวน์ 

Kwan Im Thong Hood Cho Temple ไหว้พระขอพรที่วัดเจ้าแม่กวนอิม
Credit:  universes-in-universe.de
Laser Merlion & Marina Bay วิวสวยๆ พร้อมการแสดงเลเซอร์


Duck Tour ทัวร์ชมเมืองสิงคโปร์ด้วยรถสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก

Singapore River Cruise ล่องเรือชมวิวแม่น้ำสิงคโปร์และอ่าว Marina Bay นักท่องเที่ยวส่วนมากชอบมาล่องเรือตอนค่ำๆ เพราะจะได้เห็นแสงสี และการประดับไฟของสถานที่ต่างๆ ไปในตัว
Photo by valestyne
Clarke Quay ตะลุยแหล่งกินดื่มยามค่ำคืนของสิงคโปร์

The Art House ที่สำหรับแสดงงานศิลปะ และดนตรี (เดิมทีเป็นบ้านพักส่วนตัวของพ่อค้าชาวสกอตแลนด์)

Bay South Outdoor Gardens สวนสาธารณะอันแสนสวย พาตาเย็นใจ สถานที่แสดงต้นไม้และพืชพันธ์ุ โดยจุดเด่นอยู่ที่เจ้าต้น Supertree

Credit:  www.singaporefanclub.com
นี่เป็นเพียงจุดที่ยวหลักๆ ยังมีสถานที่น่าไปเที่ยวชมอีกมากมายในสิงค์โปร์รอให้คุณได้ไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ของเกาะเล็กๆ แห่งนี้ 

Thursday, September 6, 2012

13 เรื่องที่ควรรู้ก่อนไปเที่ยวฮ่องกง

หลายคนมีแผนจะไปเที่ยวฮ่องกง (Hong Kong) ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งที่คนไทยนิยมเดินทางไปเที่ยวกัน อย่างไรก็ตามการจะเดินทางไปยังต่างแดนก็ควรที่จะทราบข้อมูลเกี่ยว เรื่องราว หรือวัฒนธรรมเกี่ยวกับประเทศนั้นๆ เพื่อการท่องเที่ยวที่สะดวก ราบรื่น เที่ยวอย่างมีความสุข วันนี้เรานำ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเรื่องน่ารู้ของการใช้ชีวิต การเดินทาง การกินอยู่ วัฒนธรรมเกี่ยวกับฮ่องกงมาฝาก
ก่อนไปเที่ยวฮ่องกง
credit: bittenbythetravelbug.com
13 เรื่องที่คุณควรรู้ ก่อนไปเที่ยวฮ่องกง

1.รอรถเมล์ให้ถูกที่
คุณจะต้องยืนรอรถเมล์ตรงป้ายที่ระบุหมายเลขรถเมล์คันที่คุณต้องการโดยสารเท่านั้น เพราะรถเมล์ที่นี่จอดตรงป้ายเท่านั้น ดังนั้นต้องศึกษาเส้นทางให้ดี และควรเตรียมเงินค่ารถเมล์ให้พอดีหรือตรงตามค่าโดยสาร เพราะรถเมล์ที่นี่จะไม่มีการทอนเงิน

2. การขึ้นแท็กซี่ยามค่ำคืน
แน่นอนว่าการเดินทางโดยรถไฟใต้ดินจะประหยัดกว่าแท็กซี่ อย่างไรก็ตาม รถไฟใต้ดินที่ฮ่องกงจะปิดบริการตอนเที่ยงคืน การเรียกใช้บริการแท็กซี่ในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนนั้น แท็กซี่จะคิดค่าบริการสูงกว่าปกติ (สูงกว่าราคาบนมิเตอร์) เพราะที่นี่รถทุกคันต้องจ่ายค่าบริการใช้อุโมงค์ข้ามฟากระหว่างฝั่งเกาลูนและเกาะฮ่องกง เขาจึงต้องทำการชาร์ตเงินเราเพิ่ม อีกเรื่องคือแท็กซี่ที่นี่จำกัดจำนวนคนนั่ง โดยจะมีป้ายบอกไว้บนตัวรถ โดยปกติแล้ว จะอนุญาตให้นั่งได้ไม่เกิน 5 คน เท่านั้น

3. วางแผนการเดินทางให้ดี
เนื่องจากค่าโดยสารระบบขนส่งต่างๆ ที่ฮ่องกง ค่อนข้างแพง เช่น ค่ารถไฟใต้ดินขั้นต่ำอยู่ที่ 50 บาท การเดินทางข้ามฟากก็มีค่าบริการสูง จึงควรวางแผน เที่ยวฮ่องกง ให้ถี่ถ้วน ว่าในแต่ละวันจะท่องเที่ยวในแถบไหน ฝั่งเกาลูน ฝั่งฮ่องกง อาเบอร์ดีน หรือเกาะอื่นๆ ให้เป็นพื้นที่ใกล้เคียงกัน จะได้ไม่เสียเวลาเสียสตางค์ข้ามไปข้ามมา และไม่สิ้นเปลืองกับค่าเดินทางมากนัก

4.เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
การไปเที่ยวฮ่องกงเช่นกัน บางเรื่องเราก็ต้องปฏิบัติตามระเบียบ วัฒนธรรมของเขา ซึ่งฮ่องกงเป็นเมืองที่มีระเบียบวินัยเข้มงวดพอสมควร อย่างการเข้าแถวขึ้นลง บันได ให้ทุกคนยืนชิดด้านซ้ายของทางตัวเองไว้ เพราะทางขวาไว้สำหรับคนที่รีบเร่งเท่านั้น หรือการเดินรถ ทุกคนก็จะขับในเลนใครเลนมัน ไม่ค่อยมีการปาดหน้า หรือเปลี่ยนเลนอย่างปุ๊บปั๊บ การข้ามถนนก็ต้องรอสัญญาณไฟเสมอ และข้ามตรงทางม้าลายเท่านั้น หรือการเรียกรถแท็กซี่ ก็ต้องมีการเข้าคิว ต่อแถวตรงจุดที่กำหนด การขึ้นรถ ลงรถทำได้บริเวณที่ทางการอนุญาตเท่านั้น หรือเพียงแค่การทิ้งขยะไม่ถูกที่หรือการถ่มน้ำลายในพื้นที่สาธารณะก็อาจทำให้คุณถูกปรับเป็นเงินหลายพันบาทได้

5.บริการดีต้องมีทิป
เนื่องจากฮ่องกงเป็นเมืองท่องเที่ยว ทุกอย่างคือการบริการไม่ว่าคุณจะเรียกใช้หรือเอ่ยปากขออะไร ขอให้คุณเตรียมเงินทิปเพื่อเป็นสินน้ำใจกับพนักงานไว้ด้วยจำนวนที่เหมาะสม ก็คือ 5-10 เปอร์เซ็นต์ ของค่าบริการทั้งหมด แม้แต่การเอ่ยปากขอน้ำจิ้มเพิ่มในร้านอาหารบางแห่งก็อย่าตกใจที่ในบิลจะมีค่าน้ำจิ้มนั้นๆ รวมอยู่ด้วย

6.อาหารจานโต
อาหารที่ฮ่องกงแม้จะราคาสูงกว่าบ้านเรา แต่ก็มีขนาดจานที่ใหญ่มาก เพราะฉะนั้นหากคุณเดินทางไปกับเพื่อนๆ หลายคน แล้วคิดจะสั่งอาหารแบบจานใครจานมันมาทาน คุณอาจจะลองสั่งมาก่อนสัก 2-3 เมนูดูขนาดจานว่าใหญ่ขนาดไหน แล้วค่อยสั่งเพิ่มเติมทีหลังหากไม่อิ่ม อย่ากลัวจะเสียเวลา เพราะที่นี่เขาทำอาหารและบริการรวดเร็ว รอสักนิดดีกว่าสั่งมากินเหลือมากมาย สิ้นเปลืองเงินอีกต่างหาก

7. จิบชาเบาเบา
เมื่อเดินทางเข้าร้านอาหารใดๆ อย่าได้หวังว่าจะได้พบกับการต้อนรับด้วยน้ำเย็นแก้วโต เพราะที่นี่เขาเน้นการทานน้ำชา และไม่ชอบบริโภคน้ำเย็น เพราะฉะนั้นระมัดระวังไว้นิดก่อนคิดจะจิบน้ำชาเข้าปากเพราะคุณอาจปากพองได้ เขาเสิร์ฟน้ำชากันแบบร้อนจี๋ อุณหภูมิสูงกว่าน้ำชาเมืองไทยหลายเท่านัก

8.เก็บร่มก่อนเข้าอาคาร
หากวันไหนเจอฝนตก ต้องกางร่มบังฝน และเมื่อจะก้าวเข้าตึก อาคาร สถานที่ใดๆ ก็ตาม คุณต้องนำร่มเก็บในถุงเก็บร่มที่เขาจะมีบริการแขวนไว้ให้ที่บริเวณทางเข้า ป้องกันไม่ให้คุณหิ้วร่มเปียกๆ ไปสร้างความเลอะเทอะกับพื้นทางเดินอาคารของเขา ถ้าฝ่าฝืนหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจได้รับคำกล่าวตักเตือนได้

9. อย่าลืมปลั๊กไฟ
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง ที่คุณควรเตรียมติดกระเป๋าไป คือ เครื่องอะแดปเตอร์ (Adapter) หรือเต้ารับแบบ Universal เพราะที่นี่เขาใช้ปลั๊กไฟ 3 ขา ดังนั้นเครื่องใช้ไฟฟ้าจากเมืองไทย เช่น ที่ชาร์ตแบตมือถือ ก็อาจจะหาปลั๊กเสียบไม่ได้ ทางที่ดีควรเตรียมเต้ารับแบบ Universal (คือ เต้ารับที่เราสามารถเสียบเตาเสียบหรือปลั๊กเสียบได้ทั้งปลั๊กแบบกลมและแบน) หาซื้อจากร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป ไปด้วยจะดีที่สุด

10. ชักโครกใช้น้ำทะเล
น้ำจืดที่ฮ่องกงจะมีราคาแพง ด้วยสภาพพื้นที่ที่เป็นเกาะ ดังนั้นในห้องส้วม เครื่องชักโครกทุกอันจะใช้น้ำทะเล เขาจึงมีการวางท่อน้ำทะเลเพื่อใช้สำหรับน้ำชักโครกโดยเฉพาะ

11. เจ้าพ่อฮวงจุ๊ย
คนฮ่องกงมีความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย จึงไม่ต้องแปลกใจที่ตึกรามบ้านช่องจะมีรูปทรงแปลกตา สวยงามไม่ซ้ำใคร คนฮ่องกงเขาเชื่อถือกันอย่างเคร่งครัด ถึงขนาดที่เวลาขึ้นปีใหม่ของทุกปี เขาจะมีรายการโทรทัศน์คอยบอกรายละเอียดเลยว่าปีนี้ราศีนี้ควรจัดบ้านอย่างไร ต้องเอาอะไรประดับตรงไหน

credit: socialmediaweek.org
12. มีรถยนต์ขับต้องรวยจริง
เนื่องจากฮ่องกงเป็นเกาะเล็ก พื้นที่จำกัด ดังนั้น คนจะมีรถขับได้ต้องมีฐานะดีมาก เนื่องจากการมีรถหนึ่งคันจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก จนกระทั่งที่เขากล่าวว่ามีรถก็เหมือนมีเมียหรือมีลูกเพิ่มขึ้นอีกคนเพราะนอกจากค่ารถ ค่าน้ำมันแล้ว ยังต้องซื้อประกัน ซื้อที่จอด และต้องดูแลอีกสารพัด ดังนั้นรถยนต์ที่นี่ เราจะพบเห็นแต่ยี่ห้อหรูหรา อย่างเบนซ์ เล็กซัส หรือว่าบีเอ็มดับเบิ้ลยู

13. ธนบัตรฮ่องกงหลากหลายมาก
ธนบัตรของที่นี่ แม้ว่าจะเป็นฉบับที่มีมูลค่าเท่ากันก็มีหลากหลาย หลายลวดลาย เพราะว่าเขามีหลายธนาคารที่รับผิดชอบการพิมพ์ การผลิต จะมีความเหมือนกันอยู่อย่างเดียวก็คือ สี ที่จำแนกตามราคา ดังนั้นอาจทำให้ท่านหยิบผิดหยิบถูกได้ ควรสังเกตให้ดี

สุดท้าย การไปเที่ยวที่ประเทศใดๆ ก็ตาม หรือแม้แต่การไปเที่ยวฮ่องกง สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่คุณต้องระมัดระวังคือ ขณะอยู่ในที่ชุมชน คนเยอะๆ หรือที่ๆ คนเบียดเสียดกัน อาจโดนลักขโมยสิ่งของได้ โดยเฉพาะกระเป๋าตังค์ ถึงแม้ว่าคนมากมายรอบตัวคุณนั้นจะเป็นนักท่องเที่ยวด้วยกันเองก็อย่าไว้วางใจ และยิ่งมาแบบกรุ๊ปทัวร์มักเป็นกลุ่มเป้าหมายของนักล้วงกระเป๋า

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก:  www.tour-excenter.com

สิ่งของและสัมภาระที่ควรพกติดตัว เมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น

สัมภาระที่ควรเตรียมเมื่อต้องไปเที่ยวญี่ปุ่น นอกจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายแล้ว ยังมีสิ่งอื่นๆ ที่ควรนำไปญี่ปุ่นด้วยทั้งที่เป็นสิ่งของจำเป็นและสิ่งของที่พกไปเผื่ออาจได้ใช้งาน มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
credit:  maigo1503.multiply.com
เตรียมตัวก่อนไปญี่ปุ่น  
  • อุปกรณ์กันหนาวต่างๆ ถุงมือ หมวก ผ้าพันคอ ถุงเท้า ร่ม 
  • แว่นตา แว่นกันแดด คอนแทคเลนส์ น้ำยาคอนแทคเลนส์ 
  • หมากฝรั่ง ดับกลิ่นปาก พกไปจะได้ไม่ต้องไปหาซื้อ ตอนเช้าลงจากเครื่องได้ใช้ทันทีครับ 
  • ประเป๋าเล็กใส่เอกสาร (คาดเอว สะพายบ่าหรือถือได้ เอาไว้ขึ้นเครื่อง) 
  • สกุลเงินญี่ปุ่น (เงินเยน) และพกเงินไทยนิดหน่อย 
  • ยาประจำตัว (ถ้ามี) เค้าเตอร์เพนยานวดขา นวดกล้ามเนื้อ ยาแก้ท้องเสีย ยาดม ยาลม ยาหม่อง 
  • เครื่องสำอางความงาม 
  • ผ้าอนามัย สำหรับผู้หญิง (ผู้ชายไม่ต้องใช้) 
  • หนังสือนำเที่ยวญี่ปุ่น แผนที่ ตารางเดินรถเมย์ รถไฟ 
  • ปลั๊ก 3 ตา 
  • นามบัตรตัวเอง (ถ้ามี) บัตรพนักงาน 
  • พาสปอร์ต + วีซ่า 
  • กระเป๋าตังค์ /บัตรประชาชน /บัตรเครดิต 
  • แผนที่โรงแรมที่จอง 
  • เอกสารใบจองโรงแรม 
  • แผนการเดินทาง ควรเตรียมตั้งแต่ก่อนไป 
  • เบอร์โทรศัพท์ที่สำคัญต่างๆ ในญี่ปุ่น กงศุลไทยในญี่ปุ่น เบอร์โทรโรงแรม เบอร์โทรเพื่อน หรือธุรกิจต่างๆ 
  • สมุดโทรศัพท์ที่หากมีความจำเป็นต้องโทรกลับเมืองไทย 
  • บัตรโทรศัพท์ แบบประหยัด โทรกลับเมืองไทย 
  • เปิดบริการเสริม Rooming โทรศัพท์มือถือ 
  • ร่ม สำหรับหน้าฝน 
  • JR Rail Pass 
  • บรรดาตั๋ว Pass ต่างๆ ในญี่ปุ่น 
  • ตั๋วเครื่องบิน ไปและกลับ 
  • ใบ Departure / ใบ Custom /ใบกรอกเรื่องสุขภาพ 
  • ภรรยา/สามี (ถ้ามี) 
  • สมุดพกเล็กๆ เผื่อปิ้งไอเดียบนเครื่องบิน 
  • กล้องถ่ายรูป + Memory Stick +แท่นชาร์จ 
  • Mp3,4 ถ้าอยากเอาไป หรือไปหาซื้อข้างหน้า 
  • คอมพิวเตอร์ + แท่นชาร์จ +สาย Lan สั้นๆ (บางที่ไม่มี Wireless) + สายไฟสำหรับชาร์จ 
  • ที่คาดกระเป๋า และอุปกรณ์สำหรับทำตำหนิกระเป๋า เช่นผ้าผูกกระเป๋า
  • โทรศัพท์มือถือ (ใช้ตอนก่อนไป และตอนกลับมาแล้วเท่านั้น ) 
  • กุญแจบ้าน (ใช้ตอนกลับมาแล้ว) 
  • รองเท้าหุ้มส้น หรือผ้าใบ 

เตรียมตัวก่อนไปญี่ปุ่น: เตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายอย่างไรดี

บทความแนะนำการเตรียมเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย สำหรับคนที่กำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น เสื้อผ้าที่เตรียมไว้ ควรจัดให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ และอุณหภูมิของช่วงที่จะเดินทางไปญี่ปุ่น  ประเทศญี่ปุ่นนั้นประกอบด้วย 4 ฤดู ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว สภาพอากาศและการแต่งกายก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู โดยเฉพาะหน้าหนาวจะหนาวเย็นมาก ควรเตรียมเสื้อผ้าไปให้พร้อม เพื่อจะได้เที่ยวญี่ปุ่นอย่างมีความสุข

credit:  caroundtheworld.com
สภาพอากาศของญี่ปุ่นและการแต่งตัว 

ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 1-10 องศาเซลเซียส

ในฤดูหนาวของญี่ปุ่น จะหนาวเย็นมากและมีหิมะตก แต่ละภูมิภาคความหนาวเย็นต่างกันไป บางเมืองน้ำในลำคลองเย็นและกลายเป็นน้ำแข็งเลยที่เดียว
เสื้อผ้าการแต่งกาย: เนื่องจากอากาศจะหนาวเย็นมาก ดังนั้นควรเตรียมชุดกันหนาวไปให้พร้อม สำหรับให้ความอบอุ่นกับร่างกาย ชุดเสื้อผ้าแนบเนื้อชั้นในสุด ใส่ทับด้วยเสื้อผ้าทั่วไปอีกชั้น และชั้นนอกจำเป็นต้องมีเสื้อคลุมโอเวอร์โค๊ต ชุดผ้าขนสัตว์หรือแจ๊กเก็ตชนิดหนาเป็นพิเศษ ผ้าพันคอแบบหนา ถุงมือ หมวกไหมพรมแบบกันหนาวได้ ถ้าหนาวมากอาจต้องมีที่ปิดหูไปด้วย ส่วนถุงเท้าให้ใส่แบบหนาๆ รองเท้าหุ้มข้อหรือรองเท้าบูทที่กันความหนาวเย็นและหิมะได้

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 10-20 องศาเซลเซียส

อากาศเริ่มเข้าสู่ความอบอุ่นหลังจากผ่านช่วงฤดูหนาวเย็นมา (อากาศอบอุ่นสำหรับชาวญี่ปุ่น แต่สำหรับคนไทยยังถือว่าค่อนข้างเย็นอยู่) ต้นไม้ดอกไม้ต่างเริ่มผลิใบสีเขียวเริ่มเข้าสู่การมีชีวิตชีวาอย่างสวยงามอีกครั้ง ดอกซากุระสีชมพูจะบานสะพรั่งในหน้านี้ ช่วงนี้แฟชั่นในญี่ปุ่นจะคึกคักมาก เสื้อผ้าสีสันสดใสต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ
เสื้อผ้าการแต่งกาย: เสื้อที่ควรเตรียมไป ถ้าไปต้นฤดูใบไม้ผลิ จะยังเป็นรอยต่อของช่วงฤดูหนาวอยู่อากาศยังหนาวสำหรับคนไทย ควรเตรียมแจ็กเก็ตและสเว็ตเตอร์ (Sweater) กันหนาวไป เตรียมเสื้อด้านในที่ให้ความอบอุ่นไปและสวมเสื้อคลุม แจ็กเก็ตหรือคาร์ดิแกน หรือเสื้อคลุมบางตัวยาว ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ควรเตรียมกางเกงขายาว กางเกงขายาวแนบเนื้อตัวหนา ถุงน่องแบบหนา และถุงเท้ายาว พร้อมรองเท้าหุ้มส้น หรือรองเท้าบูทแบบหุ้มข้อ 

ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 28-35 องศาเซลเซียส

อากาศในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่นอุณหภูมิอากาศคล้ายกับอยู่ที่เมืองไทย ดังนั้นสามารถเอาเสื้อผ้าแบบที่ใช้ในเมืองไทยอยู่ไปได้ ฤดูนี้จะมีฝนตกเป็นบางช่วงควรตรวจสอบสภาพอากาศด้วย สำหรับช่วงเดือนกรกฎาคมท้องฟ้าสีครามสดใสอากาศจะร้อน เป็นช่วงที่เหมาะแก่การไปเที่ยวทะเล แฟชั่นชุดว่ายน้ำก็หาดูได้ไม่ยากตามชายหาดทะเล
เสื้อผ้าการแต่งกาย: เสื้อผ้าแบบเมืองร้อน เสื้อแขนกุดพร้อมเสื้อทับด้านนอก เสื้อยืดแขนสั้น ชุดเดรส กางเกงหรือกระโปรงสั้น กางเกงขายาว ถุงเท้าแบบสั้น รองเท้าหุ้มส้นธรรมดาหรือ รองเท้าผ้าใบ โลชั่นกันแดด ชุดว่ายน้ำ แว่นตากันแดด หมวกสำหรับกันแดด ร่มกันฝน ควรนำแจ็กเก็ตหรือเสื้อคลุมแบบไม่หนามากไปด้วยสำหรับอากาศเย็นในช่วงกลางคืน และไม่ควรลืมผ้าเช็ดหน้า ผ้าฝ้าย หรือผ้าขนหนูผืนเล็กๆ สำหรับเช็ดเหงื่อ

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 12-20 องศาเซลเซียส

ช่วงนี้อากาศกำลังเย็นสบาย ใบไม้ก็จะเริ่มเปลี่ยนสีจากเขียวเป็นแดง ส้ม และเหลือง จนได้ชื่อว่าฤดูใบไม้แดง ผู้คนก็จะออกไปชมดอกไม้เปลี่ยนสีตามสวนและตามสถานที่ต่างๆ กันอย่างคึกคัก มองไปทางไหนก็สวยงามไปหมด
เสื้อผ้าการแต่งกาย: ควรเตรียมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นเพียงพอ เสื้อยืดแขนยาว เสื้อแขนยาว เสื้อคอเต่าแขนยาว เสื้อคาร์ดิแกน เสื้อคลุม เสื้อแจ็กเก็ต สเว็ตเตอร์กันหนาว ผ้าพันคอแบบหนา หมวก ควรเตรียมกางเกงขายาว กระโปรงยาว กางเกงเล็กกิ้งตัวหนา ถุงน่องแบบหนา และถุงเท้ายาว พร้อมรองเท้าหุ้มส้น หรือรองเท้าบู๊ทครึ่งเข่า, แว่นกันแดด, ครีมทาผิว, ลิปมัน
หมายเหตุ 
  • เวลาที่ญี่ปุ่นจะเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง 
  • บ่อยครั้งจำเป็นจะต้องถอดรองเท้าออก เช่น ตามภัตตาคารญี่ปุ่นบางแห่ง หรือเมื่อก้าวเข้าบริเวณ ชานหน้าบ้านของชาวญี่ปุ่น ก่อนเข้าห้องรับแขก จึงควรนำถุงเท้าสะอาดๆ ไปหลายๆ คู่ 
  • ควรเช็คสภาพอากาศญี่ปุ่นก่อนเดินทางที่ www.jnto.go.jp/weather/eng/index.php?lang=1 

ที่มาเพิ่มเติม : www.yokosojapan.org
รูปภาพประกอบ: web-japan.org

Wednesday, September 5, 2012

ชมดอกซากุระบานที่ญี่ปุ่น (Cherry blossom season)


สิ่งหนึ่งที่หลายคนไม่พลาดเมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น คือ การชมดอกซากุระบานหรือฮานามิ (ฮานา แปลว่า ดอกไม้) แม้แต่คนญี่ปุ่นเองการพาครอบครัว คู่รัก มาชื่นชม ดื่มด่ำกับธรรมชาติ กับซากุระที่บานสะพรั่งทั่วท้องทุ่ง สว่างสดใสรับแสงอาทิตย์ ซากุระเป็นเหมือนเครื่องบอกเวลาการมาของฤดูใบไม้ผลิ ยังเตือนใจถึงกาลเวลาที่ล่วงเลยไป ปีแล้วปีเล่า

ต้นซากุระหน้าตาเป็นอย่างไร? 

source: blog.gramfeed.com

source: torontoist.com
ซากุระส่วนมากในญี่ปุ่นมี 2 พันธ์ คือ โซเมอิ โยชิโนะ (Somei Yoshino) และ ยามะซากุระ (Yamazakura) สีของดอกมีก็มีตั้งแต่สีขาว ขาวเหลืองแซม ชมพูอ่อน และชมพูจัด โดยสีของดอกซากุระดอกเดียวกันเมื่อบานน้อย บานมาก บานเต็มที่ จะมีความเข้ม-อ่อน ไม่เท่ากันอีกด้วย

ในดอกซากุระดอกหนึ่งจะมีจำนวนกลีบดอก 5 กลีบบ้าง 20 กลีบบ้าง และ มากกว่า 100 กลีบ ขณะที่ดอกบานสะพรั่ง ใบของซากุระจะหายไป เราจึงเห็นต้นซากุระที่เต็มไปด้วยดอกที่บานสะพรั่งสวยงาม โดยใบจะเริ่มปรากฏบนต้นอีกครั้งเมื่อดอกซากุระบานเฉ่งถ้วนหน้ากันไปหมดแล้ว

ดอกซากุระจะบานในฤดูกาลใบไม้ผลิ (ช่วงกุมภาพันธ์ถึงเมษายนโดยประมาณ) ในทุกๆ ปี และระยะเวลาที่ดอกซากุระบานจะแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ โดยทั่วไปจะบานประมาณ 1 สัปดาห์ ด้วยเหตุที่ใน 1 ปี ดอกซากุระจะบานเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น จึงทำให้ดอกซากุระกลายเป็นดอกไม้ที่ล้ำค่า ดูมีเสน่ห์ กรมอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นจะพยากรณ์ช่วงเวลาที่ดอกซากุระผลิดอกและประกาศให้ประชาชนได้ทราบล่วงหน้า ให้ชาวญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวได้วางแผนเดินทางไปชมดอกซากุระได้ตามช่วงเวลาดังกล่าว ดอกซากุระจะเริ่มเบ่งบานจากทางภาคใต้ และเรื่อยขึ้นไปทางภาคเหนือ (แต่ละเมืองจะบานไม่พร้อมกัน) ซึ่งเวลาจะแตกต่างกันไปในแต่ละปี ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในปีนั้นๆ

ดอกไม้อื่นที่ใกล้เคียงกับซากุระ คือ ดอกพลัมหรือดอกต้นไหน (plum) ชาวญี่ปุ่นเรียก อูเมะ (ume) จะบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม

สถานที่ชมดอกซากุระบาน

แม้ดอกซากุระจะบานทั่วญี่ปุ่น สำหรับจุดชมดอกซากุระบานที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกัน มีดังนี้
  • สวนสาธารณะอิโนคาชิระ กรุงโตเกียว
  • สวนสาธารณะอุเอโนะ กรุงโตเกียว
  • สวนสาธารณะปราสาทโอซาก้า เมืองโอซาก้า
  • สวนสาธารณะปราสาทนาโกยา เมืองนาโกยา
  • ฟิโลโซเฟอร์ เทรล เมืองเกียวโต
  • คลองโอคาซากิ เมืองเกียวโต
  • สวนไดโนเสาร์ ซากุระจิมะ  เมืองคะโงะชิมะ
  • บริเวณรอบๆปราสาท คุมะโมะโตะ  เมืองคุมะโมะโตะ
  • สะพานคินไตเคียว  เมืองอิวะกุนิ
  • สวนสาธารณะ ทสุรุยะมะ เมืองทสุยะมะ
  • ปราสาท ฮิเมะจิ  เมืองฮิเมะจิ

Photos by Alfie Goodrich

แหล่งช้อปปิ้งในเกาหลี (Shopping in Korea)

แหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตในเกาหลี - การมาเที่ยวเกาหลีทั้งทีสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือ การช้อปปิ้ง (Shopping) สินค้าเกาหลี หรือการเลือกซื้อของฝาก ของที่ระลึกต่างๆ นานา ประเทศเกาหลีใต้นั้น ถือได้ว่าเป็นศูนย์รวมสินค้าทั้งแบนด์แนม เครื่องสำอางค์ เสื้อผ้าแฟชั่น และสินค้าพื้นเมืองมากมาย งานนี้คุณผู้หญิงที่ชอบช้อปปิ้งได้เดินเพลินกันทั้งวันแน่นอน ว่าแต่แหล่งช้อปปิ้งเกาหลี แหล่งซื้อสินค้า ที่เป็นที่นิยมมีที่ใดบ้าง ช้อปปิ้งที่ไหนดี ให้สบายกระเป๋า ได้ของดี ราคาเหมาะสม ลองมาดูกันเลย

แหล่งช้อปปิ้งในเกาหลี 

ตลาดเมียงดง (Myeongdong Market)
ย่านเมียงดง ถือว่าเป็นแหล่งช้อปปิ้งต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวแวะมาจับจ่ายใช้สอยกัน ตลาดเมียงดงเป็นเสมือนศูนย์รวม แฟนชั่นของเกาหลี อะไรที่กำลังอินแทรนด์มาหาดูเลือกซื้อได้จากที่นี่ ย่านเมียงดงนี้ จะคล้ายๆ กับสยามสแควร์ของบ้านเรา ตามถนน ตรอก ซอยในย่านนี้เต็มไปด้วยร้านจำหน่ายเสื้อผ้าทั้งแบรนด์ในประเทศ และแบรนด์เนมชื่อดัง รวมทั้งร้านขายเครื่องสำอาง เครื่องประดับ กระเป๋า วัยรุ่นที่มาเดินแถวนี้ แต่งตัวดูดี มีสีสันกว่าย่านอื่นๆ หากอยากดูว่าหนุ่มสาวเกาหลีแต่งตัวแบบไหน สวยเพียงใด แนะนำย่านนี้เลย
ตลาดเมียงดง (Myeongdong Market)
Myeongdong Market,  source: @beerbarra
ตลาดทงแดมุน (Dongdaemun Market)
ย่านทงแดมุนเทียบได้กับประตูน้ำบ้านเรา เนื่องจากเป็นแหล่งค้าส่งเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุด ตลาดแห่งนี้ท่านสามารถช้อปปิ้งสินค้าที่หลากหลาย และที่สำคัญสามารถต่อราคาได้ด้วย สินค้าที่มีมากที่สุดในตลาดนี้ คือ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องหนัง ชุดสุภาพสตรี และเด็ก เครื่องนอน เครื่องใช้ในบ้าน รองเท้า เครื่องกีฬา นอกจากร้านค้าในตึกแล้ว ร้านค้าข้างทางตลอดริมฟุตบาท ก็มีของวางขาย ให้ได้เลือกซื้อชนิดจุดใจกันเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามที่นี้จะไม่ค่อยมีสินค้าแบนด์เนม เหมือนกับตลาดเมียงดง

ตลาดทงแดมุน (Dongdaemun Market)
Dongdaemun Market, Source: @samqkl
ตลาดอินซาดง (Insadong Market)
ผู้ที่ชื่นชอบเพลง งานศิลปะและวัฒนธรรมพื้นเมือง สามารถมาที่ย่านนี้ได้ ตลาดในช่วงเย็นจะเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกตามสไตล์เกาหลี และแกลลอรี่โชว์ผลงานศิลปะของศิลปินพื้นเมือง เหมาะกับคนต้องการหาของที่ระลึกและหาซื้อสะสมของหายาก ตลาดอินซาดงอยู่ใจกลางกรุงโซล เป็นถนนสายเล็กๆ ยาวประมาณ 200 เมตร โดยจะเปิดช่วงสายๆ และปิดหัวค่ำ

ตลาดอินซาดง (Insadong Market)
Insadong Market, source: @doctor_z
ตลาดนัมแดมุน (Namdaemun Market)
เป็นแหล่งศูนย์การค้าส่งอีกแห่งที่ปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ไปเป็นศูนย์การค้าใหญ่ๆ อาทิ เช่น เมซา เป็นต้น ที่นี้คุณจะสามารถเลือกซื้อของได้ทุกชนิดที่ต้องการ เสื้อผ้า แฟชั่น ดอกไม้ รองเท้ากีฬา ของขวัญสักชิ้น เครื่องประดับสวยงาม จนถึงวัสดุก่อสร้างต่างๆ ก็สามารถหาได้ที่นี่ ตลาดนี้จะเปิดตั้งแต่สายๆ ถึงเย็นๆ ยกเว้นวันอาทิตย์จะปิดถึง 2 ทุ่ม

Namdaemun Market, source: @mrvanlieu
ถนนอีแทวอน (Itaewon Street)
เป็นย่านที่มีร้านต่างๆ มากกว่าเป็นพันร้าน มีทั้ง Pub Bar หรือ Jazz Club ก็ตั้งอยู่บริเวณนี้ อีกทั้งยั้งมีร้านอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ และร้านอาหารนานาชาติ รวมถึงร้านอาหารไทยก็อยู่ที่ย่านนี้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีแผงลอยขายของเล็กๆน้อยๆตลอดข้างทาง ตกเย็นบริเวณอีแทวอนก็จะกลายเป็นย่านเที่ยวกลางคืน ถือได้ว่าเป็นย่านที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง เรียกได้ว่าคึกคักทั้งกลางวัน และกลางคืน มีนักท่องเที่ยวตลอดเวลา ถือได้ว่าเป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้

Source: KOREA MUSLIM TOUR
ตลาดนัมโพดง ( Nampodong Market )
ตลาดนี้อยู่ในบริเวณของสถานีรถไฟใต้ดินของเมืองพูซาน นอกจากบริเวณใต้ดินจะเป็นช้อปปิ้งมอลล์แล้ว ด้านบนยังเป็นประตูสู่ตลาดชากัลจิหรือตลาดนานาชาติ ซึ่งเป็นตลาดขายสินค้านานาชาติ บางอย่างราคาใกล้เคียงกับประเทศไทย แต่บางอย่างก็มีราคาถูกกว่า ในบริเวณนี้ยังเป็นแหล่งรวมร้านอาหาร ที่มีทั้งแบบให้เลือกนั่งสัมผัสบรรยากาศกับร้านข้างทาง จนกระทั่งนั่งในร้านปิ้งๆ ย่างๆ

ช่วงเทศกาล Christmas ที่ Nampodong

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก letgokorea.com

Tuesday, September 4, 2012

เอกสารที่ควรเตรียมก่อนการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ

สำหรับการเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นไปเที่ยวหรือไปเรียนก็แล้วแต่ จำต้องมีเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการเดินทางเข้าประเทศต่าง มาดูกันว่าเราต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
สิ่งที่จำเป็นต้องมี


หนังสือเดินทาง หรือที่เรียกว่า พาสปอร์ต (Passport) ณ วันที่เดินทางต้องไม่หมดอายุ และยังใช้ได้อย่างน้อยอีก 6 เดือน หนังสือเดินทางเป็นเอกสารสำคัญมากควรถ่ายสำเนาเก็บไว้อย่างน้อย 1 ชุด และ ในกรณีที่หนังสือเดินทางหายให้แจ้งความต่อตำรวจท้องถิ่นและนำใบแจ้งความมา ติดต่อเจ้าหน้าที่สถานทูต หรือสถานกงสุลไทยที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที เพื่อขอออกเอกสาร การเดินทางแทน กรณีเช่นนี้ หากมีบัตรประจำตัวประชาชนมาแสดงก็จะช่วยให้ออก เอกสารการเดินทางได้เร็วขึ้น

วีซ่า (Visa) คือ เอกสารที่ออกโดยสถานทูตของแต่ละประเทศ เพื่อแสดงการอนุญาตให้ผู้ถือหนังสือเดินทางผ่านเข้าออก หรือพำนักอยู่ในประเทศนั้นได้ อย่างไรก็ตามบางประเทศก็ไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่าก็สามารถเข้าประเทศได้ เช่น เกาหลีใต้ เป็นต้น

ตั๋วโดยสาร โดยปกติต้องมีทั้งไปและกลับ เพราะบางประเทศจะขอให้แสดงก่อนเข้าประเทศ เพื่อเป็นการยืนยันว่า คุณกลับประเทศไทยแน่นอน เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น

เงินสกุลประเทศที่จะเดินทางไป อาจจะไปแลกเอาที่ดอนเมืองก็ได้ อย่างน้อยก็สำรองไว้ ซึ่งอาจมีเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องใช้

เอกสารสำคัญส่วนบุคคล ควรนำเอกสารซึ่งแสดงหลักฐานเกี่ยวกับตัวท่าน เช่น ใบอนุญาตขับขี่ที่ไม่หมดอายุ บัตรประชาชน บัตรประจำตัวพนักงาน หลักฐานการทำงานประจำหรือใบรับรองการทำงาน นามบัตรที่ระบุที่อยู่ปัจจุบัน พร้อมหมายเลขโทรศัพท์

เอกสารสำคัญอื่นๆที่ควรพกติดตัวไปด้วย มีดังนี้
  • หลักฐานการเงิน และหากไม่มีบัตรเครดิตการ์ดควรที่จะนำเงินสดติดตัวไปด้วย แต่หากมีเครดิตต่างประเทศ เช่น Visa Card, American Express, Dinners Club หรือ Master Card ต้องนำตัวไปด้วยหรือหลักฐานการเงินอื่นใดที่จะแสดงให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าท่านคือนักท่องเที่ยว
  • หากเป็นพาสปอร์ตใหม่ ควรนำพาสปอร์ตเก่าติดตัวไปกับพาสปอร์ตใหม่
  • ใบรับรองการประกันภัย, ประกันสุขภาพเพื่อการเดินทางไปต่างประเทศ (ถ้ามี) 
  • ใบรับรองฉีดวัคซีน/กรุ๊ปเลือด (บางประเทศอาจต้องใช้) 
  • หนังสือแนะนำตัว จากบุคคล หรือบริษัทที่ส่งท่านไปปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่กรณี 
  • เอกสารจองที่พัก (ถ้ามี) ที่ระบุชื่อโรงแรมและการจองห้องพัก ซึ่งจะทำให้ทั้งตัวท่านเองและเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทราบว่า ท่านกำลังจะไปไหน 
  • รูปถ่ายขนาดมาตรฐานที่ใช้กับหนังสือเดินทาง ซึ่งควรนำติดตัวไว้บ้าง เผื่อจำเป็นต้องใช้ 
เพื่อการไปเที่ยวต่างประเทศอย่างมีความสุข อย่าลืมตรวจเช็คเอกสารให้พร้อมก่อนการเดินทางกันนะครับ

การเตรียมตัวก่อนไปเที่ยวเกาหลี

สำหรับเพื่อนๆ ที่วางแผนจะเดินทางไปทัวร์เกาหลี ไปเที่ยวเกาหลี เรามีคำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมตัวเตรียมสิ่งของ เครื่องแต่งกายที่จำเป็นมาฝาก การไปเที่ยวต่างแดนเราจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมให้ดีและพร้อมรับมือกับเรื่องราว สถานการณ์ต่างๆ ที่คาดไม่ถึง และที่สำคัญที่สุดคือทำให้ทริปการไปเที่ยวเกาหลีครั้งนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความสุขกายสุขใจ

การเตรียมตัวก่อนไปเที่ยวเกาหลี

เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย

เรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายถือว่าเป็นเรื่องคนส่วนใหญ่มักจะใส่ใจเป็นพิเศษ เรื่องความสวยความงามยอมกันไม่ได้อยู่แล้ว ในด้านเสื้อผ้าและการแต่งกายนี้จะเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาที่ท่านเดินทางไป กล่าวคืออยู่ในฤดูไหน แต่ละฤดูกาล สภาพอากาศก็จะแตกต่างกันไป การแต่งกายก็จะแตกต่างกันไปด้วย ท่านสามารถอ่านบทความเรื่องการแต่งกายต่อได้ที่นี้ แต่งกายอย่างไรดีเมื่อไปเที่ยวเกาหลี


เอกสารที่ควรเตรียมก่อนการเดินทาง

นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเดินทางเข้าเกาหลีใต้ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าแต่ต้องมีหนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีอายุการใช้งานเหลือมากกว่า 6 เดือน (นับจากวันเดินทาง) และพักอยู่ได้นานถึง 90 วัน ตามข้อตกลงระหว่างประเทศเนื่องจากไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า ดังนั้นการอนุญาตให้เข้าเมือง จึงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองเกาหลี เป็นผู้พิจารณาสามารถบทความนี้ได้ที่นี่ หนังสือเดินทาง (Passport) และเอกสารสำคัญที่ต้องเตรียม


แผนที่และข้อมูลการเดินทาง

สำหรับท่านใดที่เดินทางมาแบบส่วนบุคคล (Private Travel หรือ Backpacker) ไปเที่ยวด้วยตนเอง จำเป็นที่จะต้องมีแผนที่หรือศึกษาข้อมูลการเดินทางให้ดี โดยเฉพาะข้อมูลจำพวกสถานีรถบัส รถประจำทาง และรถไฟฟ้าใต้ดิน (Subway) ที่เกาหลีนั้นป้ายแสดงสถานที่ต่างๆ มักจะเป็นภาษาเกาหลีหมดเลย แม้กระทั่งชื่อโรงแรม ถ้าไม่ดังจริงก็ไม่มีภาษาอังกฤษครับ ดังนั้นทางที่ดีควรศึกษาแผนที่ การเดินทางต่างๆ ให้พร้อมตั้งแต่อยู่เมืองไทยนะครับ และควรพกหนังสือคู่มือการท่องเที่ยวเกาหลีติดมือไปสักเล่มยิ่งดี


สกุลเงินเกาหลี

สกุลเงินเกาหลี เรียกว่า “วอน” หรือ “WON” อัตราแลกเปลี่ยน 1,000 วอน ประมาณ 28-30 บาท ( สกุลเงินวอน ต่อ เงินดอลลาร์:1 US dollar = 1134South Korean wonหรือประมาณ 31 บาทไทย นั่นคือ เงิน 28-30 บาท = 1000 วอน ) เงินเหรียญที่เรามักจะเห็นและได้ใช้บ่อยๆ ก็มี 50, 100, 500 วอน  เงินแบงค์ที่ใช้อยู่บ่อยๆ ก็จะมี 1000, 5000, 10000, 50000 วอน
การแลกเงิน สามารถแลกได้ที่สนามบินเมืองไทยในวันเดินทาง(ถ้าไปแลกที่สนามบินเกาหลีและโรงแรมในเกาหลี ต้องใช้ $US แลกเท่านั้น) ควรแลกเป็นเงินสด (วอน) ให้เพียงพอประมาณ 600,000 วอน หรือ 500 $US และควรพกบัตรเครดิตไปด้วย ในกรณีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองขอดูเงินหรือบัตรเครดิตที่มีอยู่


ยังมีสิ่งยังมีที่ควรทราบเพิ่มเติมก่อนไปเกาหลี สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย ก่อนเที่ยวเกาหลีให้สนุก ควรรู้อะไรบ้าง แน่นอนว่าการไปเที่ยวต่างแดนเราจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุดเพื่อให้การไปทัวร์เกาหลี เที่ยวเกาหลีครั้งนี้เป็นไปด้วยความสุข สนุก และได้ความทรงจำที่ดีกลับมา

สิ่งที่ควรรู้ก่อนไปเที่ยวเกาหลี

การเตรียมตัวไปเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะไปเที่ยวเกาหลี หรือทัศนศึกษา ดูงาน สัมนาต่างๆ ล้วนต้องมีการเตรียมพร้อมโดยเฉพาะผู้ที่ไปครั้งแรก มักจะกังวลเป็นพิเศษ วันนี้เรานำสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับประเทศเกาหลีเล็กๆ น้อยๆ มาฝาก
Photo courtesy of Flickr.com, by [said&done]
เกล็ดความรู้ก่อนไปเกาหลี 

วีซ่า
ประเทศไทยเป็นภาคีกับทางเกาหลี ทำให้คนที่เดินทางไปเกาหลีและอยู่อาศัยไม่เกิน 90 วัน ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า แต่ถ้าใครต้องการอยู่นานกว่านั้นก็สามารถไปยื่นเรื่องขออยู่ต่อได้ที่ที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองตามเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงโซล เมืองพูซาน สนามบินอินชอน เป็นต้น หากเรื่องที่ขอไปผ่านการพิจารณา เจ้าหน้าที่ก็จะออกบัตรประจำตัวคนเข้าเมืองให้เรา

ค่าเงิน
เกาหลีใช้สกุลเงินวอน (Won) โดยปัจจุบัน 1,000 วอน ตกอยู่ที่ 28-30 บาท สำหรับแบงก์หรือธนบัตรของเขาจะมีแบงก์ 10,000 วอน 5,000 วอน 1,000 วอน ส่วนเงินเหรียญ มีตั้งแต่ 500, 100, 50, 10, 5 และ 1 วอน ตามลำดับ

บัตร T Money
หรือเรียกอีกอย่างว่า Transportation Card เป็นบัตรเงินสดที่ใช้เดินทางได้ทั้งรถไฟใต้ดิน, รถบัส, แท็กซี่, ร้านสะดวกซื้อ, พวกตู้ขายอัตโนมัติ และอื่นๆ ซึ่งบัตร T Money นี้สามารถหาซื้อได้จากเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วในสถานีรถไฟใต้ดิน เมื่อยอดเงินหมดก็สามารถเติมเงินได้จากตู้เติมเงินอัตโนมัติภายในบริเวณสถานีรถไฟใต้ดิน, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านค้าทั่วไปที่มีสัญลักษณ์บัตร T Money ฯลฯ

ไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้าของเกาหลีจะใช้กำลังส่งไฟฟ้าทั้ง 110 โวลต์และ 220 โวลต์ เหมือนกับบ้านเรา แต่ที่เกาหลีนั้น สถานที่ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็น บ้านพัก โรงแรม รีสอร์ท ต่างๆ จะเป็นเต้ารับแบบปลั๊กกลม (คือใช้กับปลั๊กเสียบแบบกลม) ด้วยเหตุนี้ อุปกรณ์ไฟฟ้าท่าน เช่น กล้องถ่ายรูป มือถือ โน้ตบุค หากเป็นปลั๊กกลมก็ดีไป แต่หากเป็นปลั๊กแบนแล้วละก็อาจจะอดชาร์จไฟฟ้าได้นะครับ ทางที่ดีควรเตรียมเต้ารับแบบ Universal (คือ เต้ารับที่เราสามารถเสียบเตาเสียบหรือปลั๊กเสียบได้ทั้งปลั๊กแบบกลมและแบน) หาซื้อจากร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป ไปด้วยจะดีที่สุด

โทรศัพท์
ซิมโทรศัพท์มือถือจากประเทศไทยไม่สามารถใช้ในประเทศเกาหลีได้ เนื่องจากประเทศไทยใช้ระบบ GSM ส่วนในประเทศเกาหลีใช้ระบบ CDMA ไม่มีซิมการ์ด หากต้องการนำโทรศัพท์มือถือไปใช้ในเกาหลี ต้องแจ้งเปลี่ยนระบบเปลี่ยนเครื่องจากเคาน์เตอร์บริการโทรศัพท์ทุกแห่ง ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ติดต่อได้ที่ ชั้น 2 ผู้โดยสารขาเข้า มีค่าใช้จ่ายในการขอเช่าเครื่อง (ตามเงื่อนไข) หากท่านต้องการโทรศัพท์กลับเมืองไทย เพื่อความสะดวกควรใช้ใช้บัตร Cat Thai Card (นาทีละ 22 บาท) และบัตร iTalk (นาทีละ 1 บาท) ก็ได้ หรือหาซื้อบัตรโทรศัพท์ที่มีขายในโรงแรมทั่วไปที่เกาหลี ราคา 3,000 / 5,000 และ 10,000 วอน โดยหมุน 001–66–2- ตามด้วยเบอร์โทรศัพท์ ( 2–กรุงเทพ / 38–ชลบุรี / 53–เชียงใหม่) ตามด้วยเบอร์โทรศัพท์ / เบอร์มือถือ 001-66-81-/ 001-66-89-/ 001-66-86- เบอร์โทรศัพท์ปกติ

Credit Card
การใช้บัตรเครดิตการ์ดในเกาหลี สามารถใช้ได้แทบทุกบัตร ไม่ว่าจะเป็น Visa , American Express, Diners Club, หรือ MasterCard หรือ JCB ฯลฯ

การคมนาคม
ระบบการคมนาคมในเกาหลีตามเมืองต่างๆ มีหลักๆ ดังนี้

- รถไฟใต้ดิน ให้บริการตามเมืองใหญ่อย่างโซล, พูซาน, แทกู และอินชน ราคาโดยประมาณที่เที่ยวละ 800-1800 วอน

- รถเมล์ มีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบธรรมดา (ไม่มีแอร์) กับแบบด่วน (มีแอร์) ซึ่งแบบธรรมดานั้นจะมีรถวิ่งถี่กว่า จอดบ่อยกว่า (500-600 วอนตลอดสาย) ส่วนแบบด่วนทำให้ถึงที่หมายเร็วกว่า มีค่าโดยสารที่แพงกว่า (1,200-1,400 วอน)

- รถแท็กซี่ นอกจากจะพาเราไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วแล้ว ค่าแท็กซี่ที่นี่ก็ยังถูก แถมยังปลอดภัยด้วย โดยเราสามารถเรียกแท็กซี่ได้ตามท้องถนนทั่วไป แต่ถ้าหากโทร.เรียกทางโทรศัพท์จะต้องจ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อย โดยทั่วไปจะพบแท็กซี่ มี 2 แบบ คือ แท็กซี่ป้ายสีฟ้า,สีขาว

 - รถไฟ สำหรับเดินทางข้ามเมืองไปยังเมืองต่างๆ ชมวิว ทิวทัศน์ได้ดี โดยเฉพาะเหมาะช่วงวันหยุดเทศกาล รถบนท้องถนนจะติดมาก รถไฟเป็นอีกทางเลือกที่ดี

แหล่งช้อปปิ้ง
ประเทศเกาหลี ถือได้ว่าเป็นศูนย์รวมสินค้าทั้งแบนด์แนม เครื่องสำอางค์ เสื้อผ้าแฟชั่น และสินค้าพื้นเมืองมากมาย แหล่งช้อปปิ้งที่ดังๆ มีชื่อเสียง นักท่องเที่ยวชอบไปจับจ่ายซื้อของกัน อาทิ เช่น 
- ตลาดเมียงดง (Myeongdong Market)
- ตลาดทงแดมุน (Dongdaemun Market)
- ตลาดอินซาดง (Insadong Market)
- ตลาดนัมแดมุน (Namdaemun Market)

ท่านสามารถอ่านเพิ่มเติมในบทความ แหล่งช้อปปิ้งในเกาหลี